045piyaphon : ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม(Humanism)
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม
(Humanism)
ทิศนา แขมมณี (2547 : 68-72) ได้รวบรวมทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยมไว้ว่า
นักคิดกลุ่มมนุษยนิยมให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์ และมองมนุษย์ว่ามีคุณค่า
มีความดีงาม มีความสามารถ มีความต้องการ และมีแรงจูงใจภายในที่จะพัฒนาศักยภาพของตน
หากบุคคลได้รับอิสรภาพและเสรีภาพ
มนุษย์จะพยายามพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
นักจิตวิทยาคนสำคัญในกลุ่มนี้คือ มาสโลว์ (Maslow) รอเจอร์ส (Rogers)
โคมส์ (Combs) โนลส์ (Knowles) แฟร์ (Faire) อิลลิช (Illich) และนีล
(Neil)
1. ทฤษฎีการเรียนรู้ของมาสโลว์
(Maslow, 1962)
ก. ทฤษฎีการเรียนรู้
1) มนุษย์ทุกคนมีความต้องการพื้นฐานตามธรรมชาติเป็นลำดับขั้น
คือ ขั้นความต้องการทางร่างการ (physical need) ขั้นความต้องการความมั่นคงปลอดภัย
(safety need) ขั้นความต้องการความรัก (love need) ขั้นความต้องการยอมรัยและการยกย่องจากสังคม (esteem need) และขั้นความต้องการที่จะพัฒนาศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ (self-actualization)
หากความต้องการขั้นพื้นฐานได้รับการตอบสนองอย่างพอเพียงสำหรับตนในแต่ละขั้น
มนุษย์จะสามารถพัฒนาตนไปสู่ขั้นที่สูงขึ้น
2) มนุษย์มีความต้องการที่จะรู้จักตนเองและพัฒนาตนเอง
ประสบการณ์ที่เรียกว่า “peak experience” เป็นประสบการณ์ของบุคคลที่อยู่ในภาวะดื่มด่ำจากการรู้จักตนเองตรงตามสภาพความเป็นจริง
มีลักษณะน่าตื่นเต้น เป็นความรู้สึกปีติ
เป็นช่วงเวลาที่บุคคลเข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างถ่องแท้ เป็นสภาพที่สมบูรณ์
มีลักษณะผสมผสานกลมกลืน เป็นช่วงเวลาแห่งการรู้จักตนเองอย่างแท้จริง
บุคคลที่มีประสบการณ์เช่นนี้บ่อย ๆ จะสามารถพัฒนาตนไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ข. หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1) การเข้าใจถึงความต้องการพื้นฐานของมนุษย์สามารถช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของบุคคลได้
2) การที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
จำเป็นต้องตอบสนองความต้องการพื้นฐานที่เขาต้องการเสียก่อน
3) ในกระบวนการเรียนการสอน
หากครูสามารถหาได้ว่าผู้เรียนแต่ละคนมีความต้องการอยู่ในระดับใด
ครูสามารถใช้ความต้องการพื้นฐานของผู้เรียนนั้นเป็นแรงจูงใจ
ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้
4) การช่วยให้ผู้เรียนได้รับการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของตนอย่างเพียงพอ
การให้อิสรภาพและเสรีภาพแก่ผู้เรียนนการเรียนรู้
การจัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์ในการรู้จักตนเองตรงตามสภาพความเป็นจริง
2. ทฤษีการเรียนรู้ของรอเจอร์ส
(Rogers, 1969)
ก. ทฤษฎีการเรียนรู้
มนุษย์จะสามารถพัฒนาตนเองได้ดีหากอยู่ในสภาพที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระ
การจัดบรรยากาศการเรียนที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการเรียนรู้ (supportive
atmosphere) และเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (student-centered
teaching) โดยครูใช้วิธีการสอนบี้แนะ (non-directive) และทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน (facilitator)
และการเรียนรู้จะเน้นกระบวนการ (process learning) เป็นสำคัญ
ข. หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1) การจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนให้อบอุ่น
ไม่น่าหวาดหลัว น่าไว้วางใจ จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
2) ผู้เรียนแต่ละคนมีศักยภาพและแรงจูงใจที่จะพัฒนาตนเองอยู่แล้ว
ครูจึงควรสอนแบบชี้แนะ โดยให้ผู้เรียนเป็นผู้นำทางในการเรียนรู้ของตน (self-directed)
และคอยช่วยเหลือผู้เรียนให้เรียนอย่างสะดวกและบรรลุผล
3) ในการจัดการเรียนการสอนควรเน้นการเรียนรู้กระบวนการเป็นสำคัญ
เป็นเครื่องมือสำคัญที่บุคคลใช้ในการดำรงชีวิตและแสวงหาความรู้ต่อไป
3. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของโคมส์
(Combs)
ก. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้
ความรู้สึกของผู้เรียนมีความสำคัญต่อการเรียนรู้มาก
เพราะความรู้สึกและเจตคติของผู้เรียนมีอิทธิพลต่อกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
ข. หลักการจัดการศึกษา/การสอน
การคำนึงถึงความรู้สึกของผู้เรียน
การสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
4. แนวคิดเกี่ยวกับเรียนรู้ของโนลส์
(Knowles)
ก. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้
1) ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้มากหากมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
2) การเรียนรู้ของมนุษย์เป็นกระบวนการภายใน
อยู่ในความควบคุมของผู้เรียนแต่ละคน ผู้เรียนจะนำประสบการณ์ ความรู้
ทักษะและค่านิยมต่าง ๆ เข้ามาสู่การเรียนรู้ของตน
3) มนุษย์จะเรียนรู้ได้ดีหากมีอิสะที่จะเรียนในสิ่งที่ตนต้องการและด้วยวิธีการที่ตนพอใจ
4) มนุษย์ทุกคนมีลักษณะเฉพาะตน
ความเป็นเอกัตบุคคลเป็นสิ่งที่มีคุณค่า
มนุษย์ควรได้รับการส่งเสริมในการพัฒนาความเป็นเอกัตบุคคล
5) มนุษย์เป็นผู้มีความสามารถและเสรีภาพที่จะตัดสินใจ
และเลือกกระทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่ตนพอใจ และรับผิดชอบในผลของการกระทำนั้น
ข. หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1) ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน
รับผิดชอบร่วมกันในกระบวนการเรียนรู้
2) ในกระบวนการเรียนรู้
ควรเปิดโอกาสและส่งเสริมให้ผู้เรียนนำประสบการณ์ ความรู้ ทักษะ
เจตคติและค่านิยมต่าง ๆ ของตน เข้ามาใช้ในการทำความเข้าใจสิ่งใหม่ ประสบการณ์ใหม่
3) ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน
ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกสิ่งที่เรียนและวิธีเรียนด้วยตนเอง
4) ในกระบวนการเรียนการสอน
ครูควรเข้าใจและส่งเสริมความแตกต่างระหว่างบุคคล
ให้ผู้เรียนได้พัฒนาคุณสมบัติเฉพาะตน ไม่ควรปิดกั้นเพียงเพราะเขาไม่เหมือนคนอื่น
5) ควรเปิดโอกาสและส่งเสริมให้ผู้เรียนตัดสินใจด้วยตนเอง
ลงมือกระทำ และยอมรับผลของการตัดสินใจหรือการกระทำนั้น
5. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของแฟร์
(Faire)
ก. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้
เปาโล แฟร์ เชื่อในทฤษฎีของผู้ถูกกดขี่
(pedagogy
of the oppressed) เขากล่าวว่า
ผู้เรียนต้องถูกปลดปล่อยจากการกดขี่ของครูที่สอนแบบเก่า
ผู้เรียนมีศักยภาพและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะกระทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง
ข. หลักการจัดการศึกษา/การสอน
ระบบการจัดการศึกษา
ควรเป็นระบบที่ให้อิสรภาพและเสรีภาพในการเรียนแก่ผู้เรียน
6. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของอิลลิช
(Illich)
ก. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้
อิวาน อิลลิช
ได้เสนอความคิดเกี่ยวกับการล้มเลิกระบบโรงเรียน (deschooling)
ไว้ว่า สังคมแห่งการเรียนรู้เป็นสังคมที่ต้องล้มเลิกระบบโรงเรียน
การศึกษาควรเป็นการศึกษาตลอดชีวิตแบบเป็นไปตามธรรมชาติ
โดยให้โอกาสในการศึกษาเล่าเรียนแก่บุคคลอย่างเต็มที่
ข. หลักการจัดการศึกษา/การสอน
การจัดการศึกษาไม่จำเป็นต้องจัดทำในลักษณะของระบบโรงเรียน
ควรจัดในลักษณะที่เป็นการศึกษาต่อเนื่องไปตลอดชีวิตไปตามธรรมชาติ
7. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนีล
(Neil)
ก. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้
นีล กล่าวว่า มนุษย์เป็นผู้มีศักดิ์ศรี
มีความดีโดยธรรมชาติ หากมนุษย์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น บริบูรณ์ไปด้วยความรัก
มีอิสรภาพและเสรีภาพ มนุษย์จะพัฒนาไปในทางที่ดีทั้งต่อตนเองและสังคม
ข. หลักการจัดการศึกษา/การสอน
การให้เสรีภาพอย่างสมบูรณ์แก่ผู้เรียนในการเรียน
เรียนเมื่อพร้อมที่จะเรียน จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาไปตามธรรมชาติ
ประสาท
อิศรปรีดา (2538) ได้กล่าวไว้ดังนี้ นักทฤษฎีมนุษย์นิยมที่มีชื่อเสียงมาก
ได้แก่ มาสโลว์และโรเจอร์ นักจิตวิทยากลุ่มนี้เกิดขึ้นจากความคิดที่ว่า
จิตวิทยากลุ่มพฤติกรรมนิยมและจิตวิทยากลุ่มจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ อธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ที่ไม่ชัดเจนเพียงพอ
จิตวิทยา มนุษย์นิยมจะอธิบายเรื่องแรงจูงใจของมนุษย์
โดยเน้นย้ำที่อิสรภาพของบุคคลในการที่จะเลือกกระทำ กำหนดแนวทางพฤติกรรมของตนเอง
ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพแห่งตน จิตวิทยากลุ่มนี้จะเน้นความสำคัญของแรงจูงใจภายใน
ซึ่งบางท่านมีทรรศนะว่า ความต้องการนับถือตนเองและความต้องการตระหนักในตนเพื่อพัฒนาศักยภาพแห่งตน
เป็นศูนย์กลางของการแสดงพฤติกรรมทั้งหลาย
มัณฑรา ธรรมบุศย์ (2559)
ได้กล่าวไว้ว่า
ทฤษฎีมนุษยนิยมมีวิวัฒนาการมาจากทฤษฎีกลุ่มที่เน้นการพัฒนาตามธรรมชาติ
แต่ก็จะมีความเป็นวิทยาศาสตร์ คือเป็นกระบวนการมากยิ่งขึ้น กลุ่มทฤษฎีมนุษยนิยมเป็นทฤษฎีที่คัดค้านการทดลองเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์แล้วมาใช้อ้างอิงกับมนุษย์และปฏิเสธที่จะใช้คนเป็นเครื่องทดลองแทนสัตว์
นักทฤษฎีในกลุ่มนี้เห็นว่ามนุษย์มีความคิด มีสมอง มีอารมณ์และอิสรภาพในการกระทำ
การเรียนการสอนตามแนวทฤษฎีนี้เชื่อว่าผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียน
การจัดการเรียนการสอนจึงมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ทั้งด้านความเข้าใจ
ทักษะและเจตคติไปพร้อม ๆ กันโดยให้ความสำคัญกับความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม
การแสดงออกตลอดจนการเลือกเรียนตามความสนใจของผู้เรียนเป็นหลัก
บรรยากาศในการเรียนเป็นแบบร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขันกันอาจารย์ผู้สอนทำหน้าที่ช่วยเหลือให้กำลังใจและอำนวยความสะดวกในขบวนการเรียนของผู้เรียนโดยการจัดมวลประสบการณ์
เอื้อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
หลักการหรือความเชื่อของทฤษฎีมนุษยนิยม
คือ
1. มนุษย์มีธรรมชาติแห่งความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
2. มนุษย์มีสิทธิในการต่อต้านหรือไม่พอใจในผลที่เกิดขึ้นจากสิ่งต่าง
ๆ แม้สิ่งนั้นจะได้รับการยอมรับว่าจริง
3. การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์
คือ การที่มนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด หรือมโนทัศน์ของตนเอง
สรุป
มนุษย์ว่ามีคุณค่า มีความดีงาม มีความสามารถ มีความต้องการ
และมีแรงจูงใจภายในที่จะพัฒนาศักยภาพของตน หากบุคคลได้รับอิสรภาพและเสรีภาพ
มนุษย์จะพยายามพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ การจัดการเรียนการสอนจึงมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ทั้งด้านความเข้าใจ
ทักษะและเจตคติไปพร้อมๆ กันโดยให้ความสำคัญกับความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม
การแสดงออกตลอดจนการเลือกเรียนตามความสนใจของผู้เรียนเป็นหลัก
ที่มา
ทิศนา แขมมณี. (2547).
ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มี
ประสิทธิภาพ.
พิมพ์ครั้งที่ 3 . กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.ประสาท
อิศรปรีดา. (2538). ทฤษฎีการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : บำรุงสาน์ส.
มัณฑรา ธรรมบุศย์. (2559).
https://sites.google.com/site/psychologybkf1/home/
citwithya-kar-reiyn-ru/thvsdi-kar-reiyn-ru-klum-mnusy-niym.
[Online] เข้าถึงเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น